วันพุธที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ล่องแพห่วงยางอุทยานแห่งชาติเขาสก




ล่องแพห่วงยางที่อุทยานแห่งชาติเขาสก
เป็นความสนุกสนาน ท่ามกลางธรรมชาติและสายน้ำอันไหลเย็น ฟังเสียงนกและเสียงน้ำไปด้วยไกลระยะทางประมาณ 2 กม. ใช้เวลาล่องประมาณ 2-3 ชม. ราคาค่าล่องห่วงยางก็ไม่แพง ประมาณ 150 บาท/ท่าน จะมีไกด์นำทาง
สำหรับคนที่ว่ายน้ำไม่ค่อยแข็งแรงควรจะไปหน้าน้ำน้อยประมาณ มีนา-เมษายน
สำหรับคนที่ว่ายน้ำได้แข็งแรงและชอบความตื่นเต้นก็ประมาณ พย.-ธค. จะไม่อันตรายมากจ้ะ
การเดินทางไปอุทยานแห่งชาติเขาสก
รถไฟ กรุงเทพ-สุราษฎร์ธานี และขึ้นรถตู้ต่อไปอุทยานแห่งชาติเขาสก
เครื่องบิน กรุงเทพ-สุราษฎร์ธานี นั่งรถเข้าเมืองโดยรถบ.พันทิพย์ และติดต่อไปเขาสกได้ หรือจะไปลงที่ขนส่งเพื่อนั่งรถสายสุราษฎร์ธานี-ตะกั่วป่า ก็ได้ หรือรถตู้ก็ได้
รถบัส กรุงเทพ-ภูเก็ต สายเก่าผ่านตะกั่วป่า

วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

เข้าพรรษาปฏิบัติธรรมวัดเขาวง(ถ้านารายณ์)


เข้าพรรษา ได้มีโอกาสไปปฏิบัติธรรมที่ วัดเขาวง(ถ้านารายณ์) ซึ่งมีหลวงตาวัชรชัย เป็นเจ้าอาวาส

ภายในวัดเงียบสงบ มีที่พักและอาหารสำหรับผุ้ที่ต้องการปฏิบัติธรรม และฟังธรรมจากหลวงตา

ซึ่งธรรมะจะฟังและสามารถปฏิบัติตามได้ง่าย ลองดูภาพภายในวัดนะ

และก็สามารถ ไปดู เวปไซต์ของวัดได้ที่ http://siangjaagtaum.com/


วันอังคารที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2551

Chumporn Homestay -โฮมเสตย์เขาค่ายชุมพร

Home Stay บรรยากาศสบายๆ แบบเป็นกันเอง จังหวัดชุมพร อำเภอ
ที่พักจะมีคุณอาสองคนใช้ชีวิตกันอย่างน่ารัก สองคนสามีภรรยา ทำสวนผลไม้ เช่น ลองกอง ทุเรียน กล้วยหอม
โดยเราได้แวะไปเยี่ยมเยียน สำหรับท่านที่ต้องการธรรมชาติ ที่เป็นกันเอง ไม่มีกระทั่งไฟฟ้า (มีตะเกียง)การเรียนรู้ชีวิตชาวสวนจังหวัดชุมพร ก็ขอเชิญได้นะคะ สำหรับการเดินทาง ก็เมื่อนั่งรถทัวร์สายใต้ อ.หลังสวน จังหวัดชุมพร
ลงตรงสี่แยกท่าตะโก นั่งรถไปที่เขาค่าย (บอกว่าสี่แยกพอตาเขาค่าย)แล้วโทรหาคุณอาได้เลย
เบอร์โทร อาโสภณ 086-5385384 นัดวันเวลากันให้ดีนะคะ เพราะที่นี่จะไม่ค่อยมีสัญญาน เวลาที่สะดวกโทรก็หลัง 5 โมงเย็น เพราะแกจะออกจากสวนมาแล้วคะ ลองดูรูปกันเอาเองนะคะ แล้วจะรู้ว่าเป็นยังไง อ้อราคาก็ไม่แพงคะ คืนละ 550 บาท พร้อมอาหาร 3 มื้อ พร้อมที่พักคะ
จะมีการพาไปเที่ยวปากน้ำตะโก เพื่อชมวิถีชาวประมงด้วยนะคะ
สวนกล้วยหอม














กางเต้นท์ริมลำธารในสวน














เล่นน้ำเย็นใจ
















































วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2551

วังหลัง

ชมกรุง: ตอนวังหลัง
วันอาทิตย์เป็นวันที่อยากจะสบาย วันนี้เลยมีโอกาสมาเที่ยววังหลัง ดินแดนวังเก่าของกรมพระราชวังหลังหรือกรมบวรสถานพิมุขสมัยรัชกาลที่ 1 ปัจจุบันวังหลังเป็นหนึ่งในชุมชนตรอกวังหลัง ที่ตั้งคือซอยวังหลัง ถนนอรุณอมรินทร์ แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ การเดินทางก็ตั้งต้นได้ที่สนามหลวง-> เดินมาที่ท่าพระจันทร์ -> ข้ามเรือที่ท่าพระจันทร์-วังหลังค่าโดยสารคนละ 3.50 บาท หรือถ้ามาจากฝั่งธนก็หาโรงพยาบาลศิริราชให้เจอเดินมุ่งหน้ามายั่งแม่เจ้าพระยาถามหาท่าเรือวังหลังก็จะเจออย่างง่ายดาย สำหรับคนที่มาจากต่างจังหวัดก็มาลงที่สนามหลวงหาท่าพระจันทร์แล้วนั่งเรือข้ามฟาก หากจะพักที่พักถูกๆแถวถนนข้าวสารก็มีเยอะสามารถดูได้ ทีนี่! สิ่งที่น่าสนในของตรอกวังหลังคือ ร้านค้าต่างๆ ซึ่งมีให้เลือกมากมายตั้งแต่ ร้านอาหาร ขนมไทย เสื้อ ผ้า ร้านขายของชำแบบโบราณ ร้านขายของเล่นสมัย 30ยังแจ๋ว นอกจากนี้ถ้าเงยหน้ามองเหนือฝูงชนหรือมองเข้าไปในตรอกแคบๆ ก็จะเห็นลักษณะสถาปัตยกรรมของบ้านร้านขายของชำแบบจีนโบราณลักษณะเรือนแถวชั้นครึ่งประตูบานพับได้กลิ่นอายของความเก่าดีไปอีกแบบ คราวนี้ก็เอารูปมาให้ดูกันก็แล้วกัน บรรยายไม่เก่ง ดูเอาเองนะ





























ร้านขนมไทยเจ้าอร่อยมีถั่วแปบหน้ากุ้งเป็นของแนะนำ














สีสันของตรอกวังหลัง














  • ลืมบอกไปว่าจุดประสงค์หรือหัวข้อหลักของการเที่ยววันนี้คือ ซูชิวังหลังที่เขาร่ำลือว่าอร่อยนักอร่อยหนาก็เลยไปตามหาดูปรากฏว่าสมคำร่ำลือจริงๆ ไม่ได้โฆษณานะ ไปรอคิว 1 ชม.จึงจะได้มาหน้าตาเป็นงี้ คนเนืองแน่นรับของแจก(อิอิ!!ไม่ใช่รอคิว) ซูชิแสนอร่อย















วันพฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ชมกรุง

ผู้ใดมีภาพกรุงเทพสวยๆงาม เชิญส่งเข้ามาดูกันหน่อยซิ เพื่อจะได้ให้เห็นว่ากรุงเทพยังมีสถานที่ที่หน้าไปอีกเยอะที่ใหนก็ได้ของกรุงเทพที่ท่านคิดว่าอยากให้ไปดูกัน
ภูเขาทอง























วัดอรุณ
























วัดสระเกศ(ภูเขาทอง)



























วันพุธที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ช่วยกันออกแบบระบบขนส่งมวลชนตามความคิดของเรากันเถอะ

ในยุดน้ำมันแพงแบบนี้ สิ่งที่เราอยากจะเห็นมากที่สุดคือ ขนส่งมวลชนที่ดี เพื่อลดปัญหาการใช้งานยานพาหนะส่วนตัวกัน แต่ปัจจุบันนี้ระบบขนส่งมวลชนในบ้านเรา ทั้งในกรุงเทพและทุกจังหวัดยังไม่ได้เตรียมพร้อมที่จะรองรับปัญหาน้ำมันแพงแบบนี้ ยกตัวอย่างง่ายๆ

กรุงเทพ แถวเจริญกรุงทำงานลาดพร้าว ตื่นเช้า 06.00 น. - เดินออกจากบ้าน-ไปที่ซอยเล็กใช้มอเตอร์ไซด์(12บาท)-ต่อรถเมล์ไปหัวลำโพง (7บาท)-นั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน(33บาท)-นั่งรถเมล์ต่อไปลงซอยลาดพร้าว101(7บาท)-นั่งมอเตอร์ไซด์เข้าที่ทำงาน(15 บาท) รวมค่าเดินทางขาเดียว 74 บาท ไปกลับก็118 บาท ค่าเดินทางต่อเดือน 2500 บาท

ต่างจังหวัด บริเวณต่างอำเภอยังดีกว่า ตรงที่รู้เวลารอรถที่จะมาจากต่างอำเภอเพื่อเข้าตัวเมืองทุก 1 ชั่วโมง หรือ รถวิ่งในตัวเมือง ก็จะเข้าออกในทุกๆ ที่ที่ท่านต้องหรือมีจุดที่เรารู้ว่าตรงใหนที่จะส่งเราได้ถึงบ้าน ทางเดินเท้าก็สบายกว่าทางจักรยานก็มี อย่างเช่น นครปฐม เป็นต้น

เลยมานั่งคิดว่าหากมีระบบขนส่งมวลชนที่ดีเริ่มตั้งแต่มีรถเมล์เล็กเข้าซอยได้จนส่งต่อไปถึงระบบรถไฟฟ้าขนาดใหญ่ก็จะดี หรือไม่แค่ทำทางเดินเท้า-ฟุตบาทให่สามารถเดินได้โดยไม่ต้องระวังรถยนต/มอไซด์ จะเหยียบส้นรองเท้า หรือที่จอดจักรยานที่ไม่หายก็จะดี
เลยอยากจะเชิญชวนทุกท่านที่เช้ามาอ่านออกแบบระบบขนส่งมวลชน รวมทั้งทางเดินเท้า ทางจักรยาน กันดีมั้ย หรือใครมีความคิดเห็นอย่างอื่นก็เข้ามา join กันก็ได้นะ

ขอยืมรูปที่ทาง NECTEC ได้ออกแบบระบบจราจรอัจฉริยะมาให้ดูกันเผื่อมีความเห็น